รายละเอียดบทความ
วิธีการดูแลรักษาแบตรถยนต์
แบตเตอรี่รถยนต์นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ เนื่องจากแบตเตอรี่รถยนต์นั้นเป็นตัวสำรองไฟฟ้าให้กับรถยนต์ ซึ่งจะส่งผลแก่ เครื่องยนต์ และระบบไฟ ในตัวรถทุกอย่าง เพราะฉะนั้น เราไม่ควรมองข้ามความสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์เป็นอันขาด เราควรดูแลรักษาแบตรถยนต์ของเราให้ดี เพราะหากเราไม่ดูแลรักษาแบตรถยนต์ จะส่งผลเสียหลายอย่างกับตัวรถ เช่น กระจกอัตโนมัติไม่สามารถใช้งานได้ ไฟหน้าไม่สว่าง และ สตาร์ทรถไม่ติด ซึ่งหลายคนชอบคิดว่าการดูแลรักษาแบตรถยนต์นั้น จะต้องนำเข้าศูนย์เท่านั้น แต่ในความจริงแล้ว การดูแลรักษาแบตรถยนต์ ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเรารู้วิธีการดูแลรักษาแบตรถยนต์อย่างถูกวิธี แบตเตอรี่ของคุณก็จะอยู่ในสภาพพร้อมใช้และยืดอายุการใช้งานได้อีกนานเลยทีเดียว
วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการดูแลรักษาแบตรถยนต์ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ทำให้คุณได้มั่นใจว่าแบตเตอรี่รถยนต์จะไม่ทำให้ชีวิตคุณสะดุดแน่นอน
1. ตรวจสอบสถาพแบตเตอรี่รถยนต์อย่างสม่ำเสมอ สังเกตว่ามีรอยแตกร้าวหรือไม่
2. ดูแลรักษาแบตรถยนต์ ไม่ให้มีคราบขี้เกลือเกิดขึ้น หากมีคราบขี้เกลือ เพียงแค่นำผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดคราบก็จะออกโดยง่าย และ ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นสำหรับแบตน้ำทุก ๆ สัปดาห์
3. ตรวจเช็คระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบชาร์จต่ำหรือสูงเกินไปไหม
4. หากอากาศหนาวหรือมีอุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการกระจายของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะต่ำลง เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการดูแลรักษาแบตรถยนต์หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมาก ๆ ในขณะที่อากาศเย็น
5. ดูแลรักษาแบตรถด้วยการเติมน้ำกลั่นให้พอดีในระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมสูงเกินหรือน้อยเกินไป เพื่อป้องกันอาการขี้เกลือขึ้นไว และเป็นสาเหตุให้แบตสกปรก
6. การดูแลรักษาแบตรถยนต์นั้น ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่จะนำมาติดตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับกับกระแสไฟ ของวงจรไฟฟ้ารถยนต์
และเมื่อเราดูแลรักษาแบตรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ และไม่มีปัญหาเวลาสตาร์ทรถ รวมถึง ทำให้กระแสไฟ กระจายได้ดีขึ้น แต่ถ้าเราไม่ได้ดูแลรักษาแบตรถอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปได้สัก 1 ปี หากเราไม่มีการดูแลรักษาแบตรถยนต์เลยแบตเตอรี่ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ จะมีข้อสังเกตง่าย ๆ ดังนี้
1. เครื่องยนต์จะเริ่มสตาร์ทติดยากขึ้น
2. ไฟหน้าจะเริ่มไม่ค่อยสว่าง
3. กระจกไฟฟ้าจะทำงานช้าลง
4. ระบบไฟฟ้าเริ่มทำงานผิดปกติ
อาการทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า แบตเตอรี่รถยนต์เริ่มเสื่อม เนื่องจากการไม่ดูแลรักษาแบตรถยนต์เท่าที่ควร จนทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเร็วกว่าปกติ ซึ่งวิธีแก้ไขคือการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เลย เพราะฉะนั้นหากไม่อยากเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่บ่อยๆ เราควรหันมาดูแลรักษาแบตรถยนต์ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยนะครับ
วิธีการดูแลรักษาแบตรถยนต์
แบตเตอรี่รถยนต์นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ เนื่องจากแบตเตอรี่รถยนต์นั้นเป็นตัวสำรองไฟฟ้าให้กับรถยนต์ ซึ่งจะส่งผลแก่ เครื่องยนต์ และระบบไฟ ในตัวรถทุกอย่าง เพราะฉะนั้น เราไม่ควรมองข้ามความสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์เป็นอันขาด เราควรดูแลรักษาแบตรถยนต์ของเราให้ดี เพราะหากเราไม่ดูแลรักษาแบตรถยนต์ จะส่งผลเสียหลายอย่างกับตัวรถ เช่น กระจกอัตโนมัติไม่สามารถใช้งานได้ ไฟหน้าไม่สว่าง และ สตาร์ทรถไม่ติด ซึ่งหลายคนชอบคิดว่าการดูแลรักษาแบตรถยนต์นั้น จะต้องนำเข้าศูนย์เท่านั้น แต่ในความจริงแล้ว การดูแลรักษาแบตรถยนต์ ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเรารู้วิธีการดูแลรักษาแบตรถยนต์อย่างถูกวิธี แบตเตอรี่ของคุณก็จะอยู่ในสภาพพร้อมใช้และยืดอายุการใช้งานได้อีกนานเลยทีเดียว
วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการดูแลรักษาแบตรถยนต์ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ทำให้คุณได้มั่นใจว่าแบตเตอรี่รถยนต์จะไม่ทำให้ชีวิตคุณสะดุดแน่นอน
1. ตรวจสอบสถาพแบตเตอรี่รถยนต์อย่างสม่ำเสมอ สังเกตว่ามีรอยแตกร้าวหรือไม่
2. ดูแลรักษาแบตรถยนต์ ไม่ให้มีคราบขี้เกลือเกิดขึ้น หากมีคราบขี้เกลือ เพียงแค่นำผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดคราบก็จะออกโดยง่าย และ ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นสำหรับแบตน้ำทุก ๆ สัปดาห์
3. ตรวจเช็คระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบชาร์จต่ำหรือสูงเกินไปไหม
4. หากอากาศหนาวหรือมีอุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการกระจายของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะต่ำลง เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการดูแลรักษาแบตรถยนต์หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมาก ๆ ในขณะที่อากาศเย็น
5. ดูแลรักษาแบตรถด้วยการเติมน้ำกลั่นให้พอดีในระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมสูงเกินหรือน้อยเกินไป เพื่อป้องกันอาการขี้เกลือขึ้นไว และเป็นสาเหตุให้แบตสกปรก
6. การดูแลรักษาแบตรถยนต์นั้น ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่จะนำมาติดตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับกับกระแสไฟ ของวงจรไฟฟ้ารถยนต์
และเมื่อเราดูแลรักษาแบตรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ และไม่มีปัญหาเวลาสตาร์ทรถ รวมถึง ทำให้กระแสไฟ กระจายได้ดีขึ้น แต่ถ้าเราไม่ได้ดูแลรักษาแบตรถอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปได้สัก 1 ปี หากเราไม่มีการดูแลรักษาแบตรถยนต์เลยแบตเตอรี่ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ จะมีข้อสังเกตง่าย ๆ ดังนี้
1. เครื่องยนต์จะเริ่มสตาร์ทติดยากขึ้น
2. ไฟหน้าจะเริ่มไม่ค่อยสว่าง
3. กระจกไฟฟ้าจะทำงานช้าลง
4. ระบบไฟฟ้าเริ่มทำงานผิดปกติ
อาการทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า แบตเตอรี่รถยนต์เริ่มเสื่อม เนื่องจากการไม่ดูแลรักษาแบตรถยนต์เท่าที่ควร จนทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเร็วกว่าปกติ ซึ่งวิธีแก้ไขคือการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เลย เพราะฉะนั้นหากไม่อยากเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่บ่อยๆ เราควรหันมาดูแลรักษาแบตรถยนต์ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยนะครับ